มีการบรรยายหรือการเสวนาครั้งหนึ่งที่ยุวพุทธศูนย์ 1 ถอยหลังไปสักประมาณปีพ.ศ. 2543 หรือ 2544 อะไรประมาณนี้ วันนั้นมีการเสวนาเรื่องภัยพิบัติ มีผม มีคุณเเทนคุณเป็นพิธีกร เเล้วก็คุณหมอพรทิพย์ วันนั้นก็มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเราจะเตรียมรับภัยพิบัติกันยังไงอะไรประมาณนั้น แต่วันนี้ไม่ได้มาพูดเรื่องนี้ ผมติดใจคำพูดของหมอพรทิพย์เเล้วก็ประทับใจ เเล้วก็นำเอาไปพูดต่อในหลาย ๆ สถานที่ เพราะเป็นเรื่องน่าสนใจ
ในช่วงนั้นคุณหมอบอกว่า คุณพ่อของหมอเป็นคนดุมากเลย พ่อจะสอนให้ลูกมีศีลห้า เราฟังดูก็คงไม่แปลกหรอกมั้งพ่อแม่สอนให้ลูกมีศีลห้า เเต่หมอบอกว่าพ่อไม่ได้สอนให้มีศีลห้าเหมือนพ่อเเม่คนอื่นเขา พ่อบอกว่าถ้าเราเดินไปเจอเเก้วเเตก เเล้วเราไม่เก็บ เราเดินผ่านไปเฉย ๆ มีคนเดินตามมาหรือผ่านมาเเล้วเขาเหยียบแก้วใบนั้นเเล้วเขาบาดเจ็บ เรานั้นแหละบาป
ทีเเรกหมอก็เถียงพ่อ หนูไม่ได้เป็นคนทำหนูจะบาปได้ไง
เราเดินไปเจอถ้าเราเก็บจะไม่มีคนเดินมาโดน เเต่เพราะเราเจอเเล้วเราไม่เก็บ คนที่เดินตามมาเเล้วเหยียบ เรานั้นแหละคือคนทำ เรามีโอกาสเก็บได้เเล้วเเต่เราไม่เก็บ
เราเดินไปเจอท่อระบายน้ำเปิดเราเกือบตก เราก็เลยเดินอ้อมไป มีคนเดินมาตกท่อขาแข้งหักหรือเด็กตกลงไปตาย เรานั้นแหละบาป
หนู!ไม่ได้เป็นกทม.นะ ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับท่อระบายน้ำอะไรนี้เลย เเล้วจะบาปอะไรเเล้วหนูก็ไม่ได้เป็นคนทำด้วย
ถ้าเราหยุดหากิ่งไม้เเถวนั้นมาปัก หาถุงพลาสติกมาผูก มีคนเดินผ่านมาเห็น เขาจะเดินหลบ เขาจะไม่ตก เราทำได้เเต่เราไม่ทำเพราะการที่เราไม่ทำทั้ง ๆ ที่เราทำได้นั้นแหละ เรานั้นแหละคือคนผิด
ออกจากห้องคนสุดท้ายเเล้วไม่ปิดไฟ เรานั้นแหละเป็นคนผิด
เราไม่ใช่คนเปิด เเล้วจะให้ใครปิด?
วันนี้สังคมคิดเเบบนี้กันหมด ทุกคนเอาตัวรอด ทุกคนเห็นเเก่ตัว ทุกคนไม่เคยคิดถึงคนอื่นเลย ความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เเบบนี้
มดฝูงหนึ่งออกจากรังของตัวเองในตอนเช้า ออกไปหาอาหารได้เศษขนมปังเศษอาหาร พากันเดินเป็นเเถวเเล้วก็ขนไปที่รัง มันไม่เคยเเวะถามรังข้าง ๆ หรือว่ารังระหว่างทางเลยว่ามีรังไหนต้องการอาหารบ้างไหม มดมันจะขนกลับไปกินของมันไม่เคยแบ่งปันให้ใครทั้งสิ้น สัญชาติเดรัจฉาน
มนุษย์ไม่ใช่ มนุษย์มีจิตใจที่เเบ่งปัน ไม่งั้นจะไม่มีรายชื่อของเจ้าภาพที่เกิดขึ้น ไม่งั้นรอบตึกนี้รอบหอธรรมนี้จะไม่มีป้ายเต็มไปหมดเลย มีคนบริจาคเข้ามาร่วมกันทำ นี้คือมนุษย์ซึ่งต่างจากเดรัจฉาน
เเต่วันนี้มนุษย์จำนวนมากเริ่มเข้าไปใกล้ความเป็นเดรัจฉานมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นเเก่ตัว เอาเเต่ได้ คิดถึงเเต่เรื่องตัวเอง เราออกจากบ้านไปเพื่อไปโกยๆๆๆ หามาเเล้วก็เก็บมากินในรังของพวกเรา มีเเต่เรากิน มีเเต่ครอบครัวเรากิน เคยแบ่งปันให้ใครบ้างหรือเปล่า เคยคิดถึงคนอื่นบ้างไหม
ผมจะเพิ่มโจทย์ที่คุณหมอพูดขึ้นอีกนิดเดียว เเล้วท่านจะเห็นภาพ เจอเเก้วเเตกเเล้วไม่เก็บเดินผ่านไป ไม่ทันรู้เลยว่าคุณเเม่เดินตามมาเเล้วเหยียบเข้าไปเต็มเท้าเลย เอ็นฉีก ล้มทั้งยืนเลย หามส่งโรงพยาบาล เเล้วหลังจากนั้นนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต
ลูกคนที่เดินผ่านเเก้วใบนั้นไปเเล้วไม่เก็บ ดูสิว่าในใจจะคิดอะไรทีนี้ ตายเเล้ว! ถ้าฉันหยุดเเค่นาทีเดียวหรือครึ่งนาทีเเล้วหยิบเเก้วใบนั้นใส่ถังขยะเเม่ก็ไม่โดนเเล้วละเนี่ย เเม่ไม่ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตเพราะสิ่งที่เราทำหรือสิ่งที่เราไม่ทำ
ทำไมพอมาเป็นเเม่ตัวเองเเล้วมานั่งเสียใจ เเล้วถ้าเป็นเเม่คนอื่นเขาเหยียบไม่เป็นไรใช่ไหม ถ้าลูกคนอื่นมาเหยียบไม่เป็นไร อย่าเป็นเเม่กู ลูกกู ก็เเล้วกัน วันนี้สังคมเป็นอย่างนี้กันหมดเลย
งั้นวันนี้เเค่หยุดไม่ถึงครึ่งนาที จะมีคนอีกมากมายที่ปลอดภัย เเล้วทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตมันจะมีสิ่งให้เราช่วยเหลืออยู่เรื่อย ๆ หยุดที่จะช่วยเหลือคนอื่นบ้าง อย่าเดินไปให้ถึงเป้าหมาย เพื่อเป้าหมายของเราเอง
ในระหว่างทางมีผู้ต้องการความช่วยเหลือเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะใครก็ตาม ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์
ทำอะไรได้ทำ ช่วยใครได้ช่วยในระหว่างทาง
อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
เนื้อหาส่วนหนึ่งจากธรรมบรรยายในคอร์ปปฏิบัติธรรม
“โตขึ้นหนูจะเป็นเบนซ์”
สามารถดูคลิปวีดีโอคอร์สนี้ได้ที่นี่
http://youtu.be/3yjsKZG5rmU?list=PLJvMwkyTBefV9C5RzNh0UX322Z122_w0q